นายสมชาติ วงค์ใฝ
ปลัดเทศบาล
โทร : 06-1269-6611
ข้อมูลตำบลยางเนิ้ง
สถานที่ท่องเที่ยว
ถนนต้นยาง "ถนนสายวัฒนธรรม"
- 14 กรกฎาคม 2566
- อ่าน 144 ครั้ง
ประมาณปี พ.ศ. 1837 พญามังรายทรงสถาปนาเวียงกุมกามให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา แต่เนื่องจากเวียงกุมกามเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำจึงย้ายมาอยู่ที่เวียงเชียงใหม่ ซึ่งทำเลที่ตั้งเหมาะสมกว่าในอดีตการคมนาคมระหว่างเชียงใหม่เวียงกุมกาม เวียงหริภุญไชยและอาณาจักรอื่น ๆ จะใช้แม่น้ำปิงเป็นหลัก ต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่แม่น้ำปิงเปลี่ยนร่องน้ำจากเดิมไหลผ่านด้านทิศตะวันออกของเวียงกุมกามมาเป็นด้านทิศตะวันตก ร่องน้ำเดิมถูกตะกอนทับถมจนตื้นเขินเหลือเป็นเพียงร่องน้ำขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกร่องน้ำนี้ว่าปิงห่าง (สรัสวดี,2537) ต่อมามีการตั้งบ้านเรือนตามแนวปิงห่างมากขึ้นเกิดเป็นชุมชนหลายแห่ง ชุมชนแต่ละแห่งมีการติดต่อไปมาหาสู่เป็นประจำ จึงเกิดเป็นทางสัญจรระหว่างชุมชนและพัฒนาเรื่อยมาเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างเชียงใหม่กับลำพูนและมีการปรับปรุงและซ่อมแซมตลอดมา ประมาณปี พ.ศ. 2438 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระยาทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง ได้ปรับปรุงและขยายเส้นทางสายนี้ให้กว้างขึ้น จนเกวียนสามารถเดินได้ (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 114) และในปี พ.ศ. 2449 ( ร.ศ. 124) เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ได้ปรับปรุงเส้นทางสายนี้อีกครั้งโดยให้ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ข้าหลวงโยธาเป็นผู้ให้คำแนะนำซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ทำให้เส้นทางสายนี้สภาพดีขึ้นและมีความกว้างกว่า 3 วา เท่ากันตลอดทั้งเส้น (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 124) เป็นที่มาของถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้
ถนนสายนี้เริ่มต้นที่เชิงสะพานนวรัฐตรงไปตำบลหนองหอย และเริ่มเลียบแนวปิงห่างที่วัดกู่ขาวไปจนถึงลำพูน โดยถนนบางช่วงอยู่บนผนังดินดินธรรมชาติของปิงห่าง มีความยาวทั้งหมด 27.25 กิโลเมตร ความกว้างผิวทางเฉลี่ย 5.98 เมตร ต้นยางนาสองข้างทางถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนคาดว่าปลูกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2445 (Loetsch & Halle, 2505) โดยปลูกต้นยางในเขตเชียงใหม่และปลูกต้นขี้เหล็กในเขตลำพูนและมีการกำหนดกฎระเบียบ ในการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์บนเขตถนนและที่ทำการของราชการ หากสัตว์เลี้ยงของผู้ใดเหยียบย่ำต้นไม้ที่ปลูกไว้จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 20 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.ศ. 120) ถ้าต้นยางนาปลูกตรงกับหน้าบ้านใดก็ให้เจ้าของบ้านผู้นั้นเอาใจใส่ทำรั้วล้อมรอบ เพื่อกันวัวควายเข้ามาเหยียบย่ำและให้หมั่นรดน้ำพรวนดิน ดายหญ้า ใส่ปุ๋ย สำหรับต้นยางนาที่ไม่ตรงกับหน้าบ้านผู้ใดจะมอบหมายให้หมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงรับผิดชอบ โดยให้หัวหน้าหมู่บ้านนำลูกบ้านมาช่วยกันดูแลรักษา (เทศบาลตำบลยางเนิ้ง,2546) ด้วยเหตุนี้ต้นยางนาจึงเจริญเติบโตได้ดีและสวยงามมาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้
ต้นยางนาสองข้างถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน มีคุณค่าและความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่คู่เมืองเชียงใหม่มาร้อยปีแล้วมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องมากมาย มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น นอกจากนี้ต้นยางนาริมถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนยังให้ความร่มเย็นปรับสภาพภูมิอากาศไม่ให้ร้อนและหนาวเกินไป ช่วยทำให้ภูมิทัศน์สวยงามเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยงให้เยี่ยมชมช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นแหล่งพันธุ์กรรมไม้ยางนาสำหรับใช้ขยายพันธุ์ปรับปรุงพันธุ์หรือใช้ในการศึกษาวิจัย
- ลักษณะทั่วไปของต้นยางนา
ต้นยางนา หรือ ยาง ยางขาว ยางแม่น้ำ ยางหยวก มีชื่อวิทยศาสตร์ คือ Dipterocarpus alatus. ex G.Don จัดอยุ่ในวงศ์ไม้ยาง (Family Dipterocarpaceae)
ต้นยางนาเป็นต้นไม้สูงถึง 50 เมตร ไม่ผลัดใบหรือผลัดใบแต่ผลิใบใหม่เร็ว ลำต้นเปลา ตรง เปลือกหนา ค่อนข้างเรียบ สีเทาอบขาว เปลือกในสีน้ำตาลอบชมพู โคนต้นมักเป็นพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่ม เนื้อไม้สีน้ำตาลแดง หูใบ สีเทาอมเหลือง มีขนนุ่ม ใบเดียวรูปไข่หรือรีแกรมรูปขอบขนาน ปลายใบทู่หรือเรียวแหลม โคนใบมนหรือสอบเล็กน้อยแผ่นใบค่อนข้างหนา มีขนประปราย ดอกสีชมพูออกรวมกันเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่ามใกล้ปลายกิ่ง โคนกลีบเลี้ยงมีครีบตามยาว 5 ครีบ ส่วนกรีบดอกจะเกยซ้อนเวียนเป็นรูปกังหันผลกลมรี ยาว3-4 ซม. มีครีบตามยาว 5 ครีบ ปีกคู่ยาว 2 ปีก แต่ยาวไม่เกิน 16 ซม. ปีกสั้น 3 ปีก รูปหูหนู ทั้งเส้นตามยาวและเส้นแขนงย่อยมักคดไปมาไม่ค่อยเป็นระเบียบ ตามธรรมชาติจะพบตามป่าดิบแล้งและเบญจพรรณขึ้นทั่วไปออกดอกเป็นผลระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์ การขยายพันธุ์นิยมใช้เมล็ดเพาะ แต่เมล็ดที่นำมาเพาะควรมีอายุไม่เกิน 10 วัน หลังจากร่วงจากต้น การปลูกระยะแรกต้องมีร่มเงาบังแดด และมีความชุ่มชื้นพอควร
ต้นยางนามีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่บังกลาเทศ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมีรายงานว่าพบแถบอันดามันและตอนบนของมาเลเซีย ในประเทศไทยต้นยางนามักพบขึ้นอยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำทั่วไปในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ในระดับความสูงไม่เกิน 350 เมตรพบน้อยที่ต้นยางนาจะขึ้นในที่สูงเกินกว่าระดับนี้ ลำต้นของต้นยางนามีขนาดใหญ่ เปลาตรง แตกกิ่งก้านน้อย สามารถแปรรูปเป็นไม้แปรรูปหน้าใหญ่ มีความยาวไม่คดงอ เนื้อไม้มีความคงทนและทำไม้อัดได้คุณภาพดี นอกจากนี้ต้นยางนาสามารถผลิตน้ำมันยาง (Oleoresin) ซึ่งใช้ประโยชน์ในการทำไต้ น้ำมันชักเงา น้ำยาป้องกันรักษาไม้ไผ่ หมึกพิมพ์ ยาเรือ ตะกร้า ภาชนะต่าง ๆ